วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ข้าวยำดอกอัญชัญ




ข้าวยำดอกอัญชัญ

ข้าวยำ ข้าวยำ อาหารประจำถิ่นของภาคใต้ ที่ชาวใต้นิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า หรืออาหารกลางวันข้าวยำ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ให้สารอาหารที่หลากหลายแต่พลังงานต่ำ เป็นอาหารที่เหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากผักในข้าวยำเป็นผักสดที่ไม่ต้องผ่านการปรุงใดๆ จึงทำให้ได้รับวิตามินต่างๆ ที่มีอยู่ในผักอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ในข้าวยำยังให้แร่ธาตุ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และมีใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้เป็นปกติ เอกลักษณ์ที่สำคัญของข้าวยำ ก็คือ น้ำบูดูรสชาติความอร่อยของข้าวยำก็ขึ้นอยู่กับน้ำบูดู นั่นเอง น้ำบูดูที่ใช้ราดข้าวยำ หากเป็นสูตรของอิสลามแท้ ๆ จะใช้น้ำบูดูล้วน ๆ แต่ถ้าเป็นสูตรของภาคใต้ตอนบน จะมีการใช้เครื่องปรุงที่ทำให้น้ำข้าวยำมีรสชาติที่อร่อยไปอีกแบบหนึ่ง
คุณค่าอาหารทางโภชนาการ
 ข้าวยำ เป็นอาหารจานเดียวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทางภาคใต้ข้าวยำเป็นอาหารที่มีอาหารครบ 5 หมู่ เพราะว่านอกจากข้าวที่เป็นอาหารหลักของคนไทยแล้ว ก็ยังมีพืชผักสมุนไพร มีผลไม้ ส่วนใหญ่ผลไม้ที่นิยมใช้ก็จะมีรสเปรี้ยว เช่น ส้มโอหรือมะม่วง หรือว่าบางตำรับ ก็อาจจะใช้ทั้ง 2 อย่างผสมกัน เพื่อให้เกิดความหลากหลาย นอกจากนี้ก็มีผัก ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ถั่วฝักยาวหรือถั่วงอก สมุนไพรที่เป็นหลักๆ ของข้าวยำก็คือ ตะไคร้หรือใบมะกรูดหั่นฝอย สิ่งที่จะช่วยเพิ่มรสชาติให้กับข้าวยำก็คือมะพร้าวคั่ว มะพร้าวเป็นแหล่งของไขมัน ไขมันในมะพร้าว เป็นไขมันที่อิ่มตัวซึ่งถ้ารับประทานมากก็อาจจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตาม ไขมันก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอาหารที่เป็นพวกพืชผัก ผลไม้ เพราะจะช่วยในการละลาย สารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น วิตามินที่ละลายในไขมันหรือสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพต่างๆ ที่เราพบในพืชผัก ผลไม้ นอกจากนี้บางตำรับก็อาจจะมีการใส่ข้าวพอง ข้าวพองก็คือข้าวแห้งที่นำไปทอดก็จะเป็นแหล่งไขมันอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ต้องการควบคุมน้ำหนัก การใส่ข้าวพองเข้าไปก็จะช่วยเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ก็จะทำให้อาหารจานนี้สมบูรณ์มากขึ้น สำหรับคนที่ต้องการพลังงาน แต่สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือต้องการลดความอ้วน ก็ควรพยายามหลีกเลี่ยงการใส่ มะพร้าวคั่ว หรือการใส่ข้าวพอง แล้วหันมาเน้นเรื่องของผัก ผลไม้ สมุนไพร ให้มากขึ้น เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า อาหรจานเดียวจานนี้ เป็นอาหารที่สามารถจัดปรับได้เหมาะสมตามความต้องการของผู้บริโภค และตามลักษณะสุขภาพของผู้บริโภคได้ สำหรับส่วนประกอบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ น้ำปรุงรส ที่เราทราบกันก็คือน้ำบูดู น้ำบูดู ก็คือการที่นำปลามาหมักแล้วก็มาต้ม เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่แล้วน้ำบูดูก็จะเค็มเป็นอันดับแรก เวลาที่นำมาปรุงรส ก็จะช่วยลดความเค็ม โดยการเติมน้ำตาล ทั้งความเค็มและน้ำตาล ก็ช่วยชูรสให้อาหารอร่อยขึ้น เพราะว่าถ้าพิจารณาจากส่วนประกอบส่วนใหญก็จะจืด แต่จะมีความเปรี้ยวของผลไม้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีความเค็ม ความหวาน เพิ่มเข้าไป ก็จะทำให้อาหารจานนี้ มีหลายหลากรสชาติ ซึ่งก็เป็นที่นิยมของคนทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม ความเค็ม ความหวาน สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีปัญหาสุขภาพ ก็สามารถรับประทานได้ในปริมาณหนึ่ง แต่สำหรับคนที่มีปัญหา มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคความดันโลหิตสูง หรือคนที่เป็นเบาหวาน ก็ต้องระวังน้ำบูดู คือ อย่ารับประทานมากเกินไป ใส่พอที่จะทำให้ได้รสชาติที่เมื่อเราคลุกเคล้ากับส่วนประกอบหลักๆ แล้วทำให้มีหลากหลายรสชาติที่กลมกล่อม และอร่อยด้วย เพราะฉะนั้นหลักๆ ก็คือข้าวยำเป็น อาหารจานเดียว รวดเร็ว และทำได้ง่าย จัดว่าเป็นอาหารสุขภาพ การที่ส่วนประกอบของข้าวยำ มีผักและผลไม้หลากหลายชนิด ประโยชน์อันดับแรก ก็คือใยอาหาร ถึงแม้ว่าเราจะรับประทานทานอาหารที่มีไขมัน เช่น มะพร้าวคั่วเข้าไป ใยอาหารส่วนหนึ่งช่วยในการขับไขมันที่เราได้ไปพร้อมกันในจานนี้ นอกจากนี้ใยอาหารบางส่วนก็ชะลอการดูดซึมน้ำตาลได้ เพราะฉะนั้น เวลาที่เรารับประทานอาหารที่เค็มแล้วก็มีความหวาน หรือว่ามีไขมันมาก ถ้าเราไม่รับประทานผักและผลไม้เข้าไปเลย จะอันตรายมาก แต่ถ้ายังมีผักและผลไม้เป็นหลักก็จะช่วยในการลดทอนความรุนแรงของปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการรับประทานพวกไขมัน เกลือ และน้ำตาล ได้ส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และก็ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเราเอง

ส่วนประกอบข้าวยำ
- ข้าวสวย+ดอกอัญชัน      100กรัม
- กุ้งแห้งป่น                       9กรัม                                    
- มะพร้าวคั่วป่น                 23กรัม
- ส้มโอ                              52กรัม              
- ตะไคร้หั่นฝอย                 38 กรัม
- ใบมะกรูดหั่นฝอย           6กรัม
- ดอกดาหลาหั่นฝอย       42กรัม
- มะม่วงดิบสับ                62กรัม
- ถั่วฝักยาวหั่นฝอย          37 กรัม
- ถั่วงอกดิบ                     73กรัม
- พริกป่น                         5กรัม


วิธีทำข้าวยำ
1.กุ้งแห้งโขลก  ควรใช้กุ้งแห้งที่ไม่ติดเปลือกและไม่เค็มเกินไป นำมาโขลกจนป่น
2.ส้มโอ ควรเลือกสัมโอที่มีรสเปรี้ยว
3.พริกป่น
4.มะพร้าวคั่วป่น  โดยนำมะพร้าวขูดมา พึ่งให้แห้งแล้วนำไปคั่วในกะทะโดยใช้
ไฟอ่อน ๆ
5.มะม่วงสับ
6.ข้าวพองทำโดยนำข้าวสารมาแช่น้ำจนอิ่มตัว เทน้ำออกแล้วไปพึ่งในกระชอนให้สะเด็ดน้ำแล้วจึงไปทอด
7.ส่วนดอกดาหลา ถ้าหาได้ก็จะให้รสชาติเปรี้ยว หอม แปลกไปอีกแบบ โดยนำไปล้างน้ำแล้วหั่นซอย
8. ข้าว ดอกอัญชันเมื่อได้ดอกอัญชันจากต้นหรือซื้อมา นำมาล้าง แล้วขย้ำให้ละเอียดกับน้ำพอประมาณ หรือจะใส่เครื่องปั่นก็ได้เสร็จแล้วกรองด้วยกระชอนหรือผ้าขาวบางข้าวสารที่เตรียมหุงโดยซาวน้ำทิ้งไปก่อน เมื่อได้น้ำอัญชันจากการกรองก็เทลงไปเท่ากับที่เราจะหุงข้าวตามปกติ  เมื่อเทลงไปในหม้อ สีเข้มน้ำเงินครามสวยมากแล้วคนให้เข้ากันกับเมล็ดข้าว สีก็จะจางลงเพราะในข้าวมีผิวข้าวขาวๆออกมาอีก โดยเฉพาะข้าวใหม่ ก็ใส่น้ำพอประมาณให้น้อยกว่าข้าวเก่า หรือใช้ข้าวกล้องหุงก็ยิ่งเพิ่มคุณค่ามากขึ้น ผิวของข้าวกล้องที่แช้ไว้นานหรือขย้ำออกมานั้นทำให้สุขภาพดีเยี่ยม
เมื่อข้าวสุกก็จะเป็นสีฟ้า สวยงาม
9.ตักข้าวใส่จานใส่ผักต่างๆที่เตรียมไว้ตามด้วยมะพร้าวคั่วกุ้งแห้งป่นข้าวพองราดด้วยน้ำบูดูเล็กน้อยเวลารับประทานคลุกเคล้าส่วนผสมต่างๆ เข้าด้วยกัน หากชอบรสเผ็ด ใส่พริกป่นเคล้าให้เข้ากัน

ส่วนผสม:การปรุงน้ำข้าวยำ                                                       
- น้ำสะอาด            1 ถ้วย
- ปลาอินทรีย์เค็ม    1ส่วน
- น้ำตาลปี๊บ            2 ½ช้อนโต๊ะ                   
- ตะไคร้ ตำละเอียด 2ต้น
- ใบมะกรูด ฉีก       4ใบ
- ข่า ตำละเอียด     1แง่ง
- ผิวมะกรูด หั่นฝอย  1ช้อนโต๊ะ
- หอมแดง                4หัว
- น้ำปลา                  2ช้อนโต๊ะ
  
วีธีทำน้ำข้าวยำ             
1.นำเครื่องสมุนไพรต่าง ๆ มาซอยให้ละเอียด เพื่อจะได้นำมาโขลกรวมกันทั้ง ตะไคร้ ข่า หอมแดง ผิวมะกรูด มาโขลกรวมกันให้ละเอียด
2.นำปลาอินทรีย์เค็มมาต้มให้เปื่อย แยกก้างปลาออกทิ้งไป
3.ใส่เครื่องที่โขลกไว้แล้วลงไป ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และใบมะกรูด เคี่ยวต่อจนน้ำออกสีเข้ม ก็ยกลง
4.กรองเอาแต่น้ำ มาเป็นน้ำข้าวยำ

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ข้าวยำสีเหลือง





              เมื่อกล่าวถึง ข้าวยำ ทุกคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เป็นอาหารจานเดียวและเป็นอาหารประจำวัฒนธรรมของพื้นที่นี้ แต่....เชื่อว่า หลายคนคงยังไม่รู้ที่มาที่ไปของสูตรหรือคุณค่าของสารอาหารในข้าวยำ
ข้าวสีเหลือง ใช้วัตถุดิบเป็นขมิ้น ซึ่งมีสรรพคุณ แก้ท้องอืด เพราะมีรสฝาดและสมานแผลภายใน ลำไส้ ด้วย ทั้งนี้จะพบบ้างที่ใส่สีผสมอาหาร ซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่จะมีแค่ชวนน่ารับประทานเท่านั้น


ส่วนผสม
ข้าวสวย                                     6 1/2 ถ้วยตวง
ปลาป่นหรือกุ้งแห้งป่น              1 1/2  ถ้วยตวง
น้ำมะนาว                                   9        ช้อนโต๊ะ
น้ำบูดูปรุงรส                              3/4      ถ้วยตวง
มะพร้าวขูดคั่ว                            1  1/2  ถ้วยตวง
พริกป่น                                      3         ช้อนชา
ผักชนิดต่างๆ





วิธีทำ

1. ข้าวสารขาวมาล้างน้ำหรือซาวน้ำให้สะอาดเทน้ำออกให้หมด
2. นำผงขมิ้นสดแกะเปลือกออกหั่นตำให้ละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ แล้วกรองเอาแต่น้ำ
    หรือใช้ขมิ้นแห้งที่บดเป็นผงละลายน้ำกรองหรือไม่กรองก็ได้ 1 ช้อนชา
3. น้ำขมิ้นที่กรองเทใส่ในหม้อข้าวที่ซาวน้ำใส่น้ำขมิ้นเท่ากับการหุงข้าวในแต่ละครัง
4.เมื่อข้าวสุกจะได้ข้าวสีเหลืองหอมขมิ้นสวยงาม



วิธีการทำน้ำบูดู  
      
1. ทำใบมะกรูด ฉีกให้เป็นชิ้นประมาณ   20  ใบ
2. หอมแดงปั่นให้ละเอียด
3. ข่าแก่ปั่นให้ละเอียด
4. น้ำตาลปีป
5.ตะไคร้

-เอาน้ำบูดูใส่ภาชนะหม้อ,หรือกระทะใส่น้ำอีก   1 ขวด  เพื่อลดความเค็ม(น้ำบูดูบางยี่ห้อจะเค็มมาก)  ตั้งไฟและใส่น้ำตามทั้งหมดและใส่หอมแดง,ใบมะกรูด  ตั้งไฟและเขี้ยวจนมีความข้นพอประมาณ  แล้วชิมดูรสชาติจะต้องเค็มนำตามด้วยหวานนิด ๆ


ในส่วนของผักต่าง ๆ ที่โรยหน้าจะมีส่วนผสมหลักดังนี้ ใบมะม่วงหิมมะพานต์มีรสฝาดจันทร์หอม หรือภาคใต้บ้านเราเรียก กะเสม เพราะมีกลิ่นหอมชวนกิน,ถั่วงอก,ถั่วฟักยาว เป็นต้น  นอกจากนี้ต้องมี ใบมะกรูดและใบสมัคร มีรสขมหอม ในขณะเดียวกันต้องมีหอมแดงสดหั่นประกอบ

เคล็ดลับ

* ตะไคร้ หอมแดง ใบมะกรูด จะช่วยให้น้ำบูดูมีกลิ่นหอมไม่เหม็นคาว ช่วยดับกลิ่น                                     ของคาวปลาได้
* ผักที่ใช้ควรเป็นผักสด เพราะจะมีรสหวานของผัก
* ส้มโอ ควรเป็นส้มโอที่มีรสเปรี้ยวจะทำให้ข้าวยำมีรสชาติมากขึ้น
* ปริมาณของเครื่องปรุงจะต้องจัดให้ได้สัดส่วนที่พอเหมาะ เมื่อคลุกกับข้าวแล้งจะได้รส                             กลมกล่อมพอดี










วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ข้าวยำปักษ์ใต้




ข้าวยำเป็นอาหารจานเดียวและถือว่าเป็นอาหารท้องถิ่นของภาคใต้ ในปัจจุบันเป็นที่นิยมกินกันพอสมควร คนทางภาคใต้นิยมกินเป็นอาหารเช้าหรืออาหารกลางวัน




ส่วนผสม 

ข้าวสวย                  6 1/2 ถ้วยตวง                 
กุ้งแห้งป่น              1 1/2  ถ้วยตวง                     น้ำมะนาว                9        ช้อนโต๊ะ 
น้ำบูดูปรุงรส           3/4      ถ้วยตวง 
ข้าวตากแห้งทอด   3         ถ้วยตวง 
มะพร้าวขูดคั่ว         1  1/2  ถ้วยตวง 
พริกป่น                   3       ช้อนชา




ผักสด/ผลไม้     
 ถั่วฝักยาวซอยบาง               3  1/2 ถ้วยตวง 
 แตงกวาผ่าสี่                         1  1/2 ถ้วยตวง                            
 ตะไคร้หั่นฝอย                       2 ถ้วยตวง
 ส้มโอแกะเป็นกลีบเล็กๆ        3  3/4  ถ้วยตวง                            
 ถั่วงอกเด็ดหาง                     5  1/4 ถ้วย
ใบมะกรูดหั่นฝอย                 12 ถ้วยตวง
ใบชะพลูหั่นฝอย                   2   ถ้วยตวง














ส่วนผสมน้ำบูดูปรุงรส 

น้ำบูดูเค็ม                12 ถ้วยตวง 
ตะไคร้ทุบ                14 ท่อน (หั่นเป็นท่อนยาว 3 เซนติเมตร)
ใบมะกรูด                 10 ใบ 
น้ำเปล่า                    2  1/4 ถ้วยตวง 
น้ำตาลปีบ               1  ถ้วยตวง 
ข่าทุบ                     11 ท่อน (ท่อนหนา 0.5 เซนติเมตร ยาว 2.5 เซนติเมตร) 
หอมแดงทุบ           13 ถ้วยตวง

วิธีทำน้ำบูดู 

1.ตวงน้ำบูดูกับน้ำเปล่าใส่ภาชนะ ใส่ตะไคร้ทุบ ข่าทุบ หอมแดงทุบ ใบมะกรูด น้ำตาลปีบ ต้มจนเดือดประมาณ 30  นาทีลงกรองเอากากทิ้ง
2.นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวต่ออีก 45นาที โดยใช้ไฟอ่อน หมั่นคน จะได้ไม่ไหม้ แล้วตั้งทิ้งไว้ให้เย็น เก็บใส่ขวดไว้กิน

วิธีเตรียมเครื่องข้าวยำ
1.หุงข้าวสวย โดยให้ข้าวที่หุงเม็ดค่อนข้างแข็งนิดหน่อย
2.มะพร้าวขูดคั่วให้เหลือง โดยใช้ไฟอ่อน ทิ้งให้เย็นเก็บในภาชนะปิดสนิท
3.กุ้งแห้งล้างน้ำ 1 ครั้ง ผึ่งให้แห้ง แล้วนำมาบดให้ละเอียด
4.ข้าวตากแห้งทอดพอเหลือง ผึ่งให้เย็นและสะเด็ดน้ำมัน เก็บใส่ภาชนะปิดสนิท
5.ผักสด/ผลไม้ นำมาหั่นฝอยหรือหั่นบางๆ ตามชนิดของผัก เช่น แตงกวาผ่าสี่แล้วหั่นตามขวาง ส้มโอแกะเป็นชิ้นเล็กๆ 
6.ตักข้าวใส่จาน ใส่ข้าวทอด มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้ง ผักต่างๆ และส้มโอไว้รอบๆ ข้าวสวย ใส่พริกป่น คลุกให้เข้ากัน เมื่อจะกินจึงราดด้วยน้ำบูดู
 







วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

จัดทำโดย

จัดทำโดย


นางสาว ยานี ดาโอะ
สาขา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ  ห้อง 2/57
 รหัสนักศึกษา 5710013805040



วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วีดีโอ วิธีการทำข้าวยำ





                                                                                                                      ขอบคุณวีดีโอจาก Youtube

ข้าวยำน้ำบูดูสมุนไพร



ส่วนผสมข้าวยำ



   - น้ำบูดู   1ถ้วย
   - น้ำเปล่า  1/4ถ้วย
   - ข่าบุบ   1 แง่ง 
   - หอมแดง 3 หัว
   - ข้าวสวย
   - พริกป่น
   - ส้มโอ/มะม่วงเปรี้ยว/มะนาว
   - น้ำตาลปี๊ป   1 ถ้วย 
   - ตะไคร้บุบ   2  ต้น
   - ใบมะกรูดฉีด 2 ใบ
   - กุ้งแห้งป่น
   - มะพร้าวคั่ว 
   - น้ำเคยข้าวยำ








- ผักต่างๆ ตามใจชอบ เช่น ใบพลู ใบมะกรูด ถั่วงอก แตงกวา ถั่วฟักยาว ถั่วพลู แครอท ตะไคร้ หั่นซอยตามชอบ 






 









วิธีทำน้ำบูดู

     ล้างปลาเค็มจนเปื่อย กรองเอาแต่น้ำปลา
นำกระทะตั้งไฟ เทน้ำปลาเค็มใส่ พอเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ หอมกระเทียม มะพร้าวขูด เติมน้ำให้เต็มกะทะ
เคียวไปเรื่อยๆให้เหลือ 2/3 เติมบูดู เหลือไว้ปรุงรสบ้าง เติมน้ำมะขามเปียก เติมน้ำตาล ทุกชนิดที่มี รี่ไฟ
ลงคอยคนอย่าให้นาน เดี๋ยวน้ำตาลไม่ชอบ ไฟร้อนแรงเกินไป กลิ่นอาจจะไม่หอมได้ พอเหลือ1/2 กะทะก็ต้องชิมรสบ่อยๆหน่อยจนได้ที่ถูกใจ เป็นอันจบพิธี รสมันจะออกเค็ม อมเปรี้ยวนิด หวานมากหน่อย แล้วแต่ชอบ







วิธีเตรียมเครื่องข้าวยำ
1.หุงข้าวสวย โดยให้ข้าวที่หุงเม็ดค่อนข้างแข็งนิดหน่อย
2.มะพร้าวขูดคั่วให้เหลือง โดยใช้ไฟอ่อน ทิ้งให้เย็นเก็บในภาชนะปิดสนิท
3.กุ้งแห้งล้างน้ำ 1 ครั้ง ผึ่งให้แห้ง แล้วนำมาบดให้ละเอียด
4.ข้าวตากแห้งทอดพอเหลือง ผึ่งให้เย็นและสะเด็ดน้ำมัน เก็บใส่ภาชนะปิดสนิท
5.ผักสด/ผลไม้ นำมาหั่นฝอยหรือหั่นบางๆ ตามชนิดของผัก เช่น แตงกวาผ่าสี่แล้วหั่น ส้มโอแกะเป็นชิ้นเล็กๆ 
6.ตักข้าวใส่จาน ใส่ข้าวทอด มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้ง ผักต่างๆ และส้มโอไว้รอบๆ ข้าวสวย ใส่พริกป่น คลุกให้เข้ากัน เมื่อจะกินจึงราดด้วยน้ำบูดู